มีเพื่อนมันคอมเม้นท์มา ว่าธรรมกะ สกปรก จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง
>> คำถาม : อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ ไม่ชอบแต่มาตามอ่าน…มันไง
<< พระอาจารย์ : ฮ่าๆๆ เป็นธรรมชาติที่ต้องเผชิญกั
ธรรมกะ มีทั้งมิตรและศัตรูที่ท่านถ
ความชอบใจและไม่ชอบใจเป็นเร
>> คำถาม : พระอาจารย์ ไม่อาบน้ำเหรอคะ ท่านตูมตาม ได้กลิ่นคะ………อิอิ
<< พระอาจารย์ : เรื่องไม่อาบน้ำนี่ ตอนอยู่ป่า ก็ใช่ว่าจะได้อาบ อยู่เป็นเดือนๆ จนจีวรมีเห็ดขึ้น
ก็ใช่ว่าจะได้อาบ อยู่เป็นเดือนๆ จนจีวรมีเห็ดขึ้นกันเลย Maem Mami ยิ่งการแปรงฟันนี่ ไม่ต้องพูด ไม่มีแปรงและยาสีฟัน
อะไรๆๆ ก็ไม่มี มีแต่ตัวเหม็นๆ กับหัวใจที่ตั้งมั่นอยู่ และรอดมาได้ คนสะอาดๆๆ ก็ต้องทำใจหน่อย หากเฉียดเข้ามาใกล้
นี่.. เพิ่งลงมาจากภูเขา ขึ้นไปดูการตั้งฐานองค์พระม
ที่นี่มันอยู่ยาก อยู่ลำบาก ขึ้นทีลงทีก็เหงื่อโทรมกาย เสื้อผ้านี่ เป็นขี้เกลือขาวเชียว
เรียกว่า อยู่อย่างสกปรกอย่าง ตูมตาม มันมันว่ามานี่ถูกต้องเลย
คำว่าสกปรกนี่ มันมีหลากหลายและหลายนัยยะ เราจะมาพูดโพล่งๆ ไม่เจาะจงนี่ ไม่ได้ เดี๋ยวอายหมามัน
ตัวสะอาด แต่ปากหมาเพ่งโทษผู้อื่น นี่ ก็พวกสกปรก
ชอบติเตียนโดยไม่พิจารณาก่อ
ถือมั่นความคิดตน คนอื่นเลว นี่ก็พวกสกปรก
ทำลายความดีผู้อื่น โดนไม่ไตร่ตรองก่อน นี่ก็พวกสกปรก
จริงไม่จริงไม่รู้ ขอกูด่าไว้ก่อน หากไม่ถูกใจ นี่ก็พวกสกปรก
ความสกปรกมันมีมากมายและหลา
ตัวสกปรก ใจไม่สกปรก นี่ไม่ใช่พวกสกปรก
ไม่อาบน้ำ ไม่เช็ดตัว ไม่ถูสบู่ ไม่แปรงฟัน แต่มีใจอันเป็นกุศล นี่ ก็ไม่ใช่พวกสกปรก
มันมีสกปรกนอก มีสกปรกใน
สกปรกนอก ยังพอล้างได้ สกปรกใน คือพวกใจสกปรก นี่..มันล้างยาก
ใจสกปรก มันก็เฝ้ามองเพ่งโทษความผิด
แต่พวกสกปรกใน ใจมันสกปรกหนาจนเป็นสันดาน ล้างด้วยสารเคมีอะไร ใจมันก็ไม่สะอาดขึ้นมาได้
ขอบใจที่มองเห็นความสกปรก บอกด้วยซิว่า มันสกปรกใน หรือสกปรกนอก
เจ้าของสกปรก จะได้ชำระล้างให้ถูกใจได้ถู
คนสะอาด มันก็ย่อมสกปรกง่าย แต่ข้ามันสกปรกอยู่แล้ว สกปรกต่ออีกหน่อยมันก็ไม่เป
สกปรกเพราะขี้เกียจนี่ก็มี
สกปรกเพราะเห็นความเป็นธรรม
สกปรกเพราะฝึกตบะนี่ก็มี
สกปรกเพราะทำลายราคากิเลสนี
สกปรกเพราะเป็นคนสกปรกนี่ก็
ข้าเองไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบส
สมัยหนึ่ง ได้ท่องเที่ยวอยู่ในป่า ได้ไปพบพระอาจารย์รูปหนึ่ง ตบะแก่กล้ามาก ท่านนั่งจนขี้ค้างคาวท่วมเอ
ครั้งที่ไปเจอภายหลัง ท่านลุกออกจากการนั่ง กลิ่นกายและเสื้อผ้า เหม็นและเน่า จนน่าขยะแขยง
เอาอาหารถวายให้ท่าน ท่านก็เอามือที่ด่างดำ หยิบอาหารเช้าปาก
เราเอาน้ำให้ท่านล้างมือ แต่ท่านยิ้มและส่ายหน้า
ท่านบอกว่า ข้างนอกนี่ มันสะอาดกว่าข้างในที่เป็นร
ข้างในที่เป็นรูปกาย มันห่อหุ้มเนื้อเน่าเหม็นแล
มือที่ติดขี้แห้งๆ ของค้างคาว หยิบอาหาร มันยังสะอาดกว่า ของเน่าเหม็นภายใน ที่เราเป็นเจ้าของมัน
ภายในตัวท่าน มันมีพยาธิ เชื้อโรค และสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนม
กายที่สกปรกอยู่แล้ว เต็มไปด้วยเชื้อโรคและของเน
ใจที่เห็นชัดเช่นนี้ มันก็เป็นใจที่อยู่เย็นสบาย
สกปรกมันเกิดจากใจเข้าไปสมม
ใจที่สะอาด แม้อยู่ในท่ามกลางความสกปรก
มันก็แค่ความสกปรกมันห่อหุ้ มความสะอาดแห่งใจ
ใจที่มันสกปรก แม้สะอาดแค่ไหน มันก็ห่อหุ้มใจ ที่มันโสมมและสกปรก
ใจที่มันโสมมสันดานเสียและส
ของกูสะอาดดี แต่ของมึงอัปปรีย์ จัญไร แสนสกปรก
นี่..ท่านว่าอย่างนี้ ยังจำได้ไม่ลืม นักเพียรปฏิบัติภาวนา ที่กายแสนเน่าเหม็น แต่มีกลิ่นแห่งศีลอันหอมหวล
ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเข้าอยู่ป่า ข้าก็ไม่เคย มีแปรงสีฟัน สบู่ มีด ไฟ กลด หรืออะไร ไปแบบจีวรผืนสังฆาฏิพาดป่า ย่ามใส่บาตร ไม่เคยเอาอะไร โน่นเลยออกไปไกลๆจากผู้คน
อยู่ท่ามกลางป่านอนตามพื้น น้ำท่าไม่ต้องอาบ ฟันฟางไม่ต้องแปรง เพราะไม่ค่อยได้กินอะไรอยู่
แต่ร่างกายผิวกาย ใครเห็นเข้า มันแสนสกปรกและถอยหนี นี่..มันอยู่ได้ มันไม่เอาอะไร ที่เป็นไปเพื่อความยุ่งยากใ
อยู่อย่างสกปรกที่โลกเขาไม่
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ความว่าง ต้องว่างในสิ่งที่มี ณ วันที่ 30 กันยายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง